วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล

ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล (Rio de Janeiro Brazil)

 รีโอเดจาเนโร (โปรตุเกสRio de Janeiroเสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈriːoʊ deɪ dʒəˈnɛəroʊ/) หรือ รีอูจีฌาเนย์รู (เสียงอ่านภาษาโปรตุเกสสำเนียงบราซิล: [ˈʁi.u dʒi ʒaˈnejɾu]) มีความหมายว่า "แม่น้ำเดือนมกราคม") หรือมักเรียกโดยย่อว่า รีโอ (Rio) เป็นเมืองหลวงของรัฐรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล โดยเป็นเมืองที่กล่าวขานกันว่างดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และเป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะชายหาดกอปากาบานา (Copacabana) และอีปาเนมา (Ipanema) เทศกาลรื่นเริงประจำปีของบราซิล และรูปปั้นพระเยซูขนาดใหญ่ที่รู้จักในชื่อ กริชตูเรเดงโตร์ บนยอดเขากอร์โกวาดู

รีโอเดจาเนโรตั้งอยู่ที่ละติจูด 22 องศา 54 ลิปดาใต้ และลองจิจูด 43 องศา 14 ลิปดาตะวันตก ((6,150,000) 22°54′S 43°14′W) รีโอมีประชากรประมาณ 6,150,000 (พ.ศ. 2547) และพื้นที่ 1,256 กม² (485 ไมล์²) และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศบราซิลรองจากเซาเปาลู (São Paulo) รีโอเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศบราซิล ก่อนที่เมืองบราซิเลียจะเป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960)

รีโอเดจาเนโรได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ให้เป็นเมืองเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 31 ประจำปีคริสต์ศักราช 2016 (พ.ศ. 2559) ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในเขตทวีปอเมริกาใต้นับตั้งแต่มีการริเริ่มแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นต้นมา


นคร ริโอ เดอ จาเนโร ถูกเอ่ยถึงอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อ 500 กว่าปีก่อน ในเดือนมกราคม ปี 2045 นักสำรวจชาวโปรตุเกสที่ชื่อ กาสปาร์ เลมอส ล่องเรือมาถึงอ่าวแห่งนี้และสันนิษฐานว่ามันน่าจะเป็นปากแม่น้ำ เขาจึงเรียกอาณาบริเวณนั้นว่า ริโอ เด จาเนโร ซึ่งมีความหมายว่า “แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม”
ราซิล เสนองบประมาณในการจัดโอลิมปิกครั้งนี้ถึง 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหวังว่า การเป็นเจ้าภาพจะช่วยยกสถานภาพ และเพิ่มอำนาจทางเศรษฐกิจของประเทศบนเวทีโลก และทำให้ ริโอ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวและสถานที่จัดประชุมนานาชาติเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับ บาร์เซโลนา ของสเปน เมื่อครั้งเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี ค.ศ.1992


ริโอ ซึ่งเป็นประตูสู่บราซิล ได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จนได้รับขนานนามว่า “เมืองที่ยอดเยี่ยม” โดยเฉพาะชายหาดชื่อดังอย่าง โคปาคาบานา และ อีปาเนมา ซึ่งว่ากันว่า เป็นชายหาดที่เซ็กซี่มากที่สุดในโลก ส่วนชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมก็ไม่น้อยหน้าใคร อย่าง “คาร์นิวัล” เทศกาลรื่นเริงประจำปีของบราซิล ก็มีนักท่องเที่ยวไปร่วมงาน 5 แสนคนต่อปี  ริโอ ยังเป็นเมืองที่ให้กำเนิดแนวเพลงบอสซาโนว่าด้วย


 แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และโด่งดังมาก ก็คือ รูปปั้นของพระเยซู ชื่อ Christ of Redeemer ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ เมื่อ 2 ปีก่อน รูปปั้นที่สูงประมาณ 700 เมตรนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองและชายหาดที่สวยที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถรางไปบนยอดเขา เพื่อมองรูปปั้นอันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบราซิลและคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกอย่างใกล้ชิด ชาวบราซิลมักจะกล่าวอ้างว่า พระเจ้าเป็นชาวบราซิล ซึ่งอาจเป็นเพราะ รูปปั้นพระเยซู ที่ยืนเพ่งมองมายังเมือง ราวกับว่า ริโอ อยู่ในความคุ้มครองของพระองค์


รูปปั้นพระเยซูคริสต์ (ประเทศบราซิล) - Christ the Redeemer 

 รูปปั้นพระเยซูหนักกว่า 600 ตันนี้ตั้งสูงตระหง่านสูง 38 ฟุตอยู่บนยอดเขาคาร์โควาโดเหนือเมืองริโอ เด จาเนโร โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของประติมากรชาวฝรั่งเศส พอล ลันดอฟสกี้ กับวิศวกรชาวบราซิล ไฮตอร์ ดา ซิลวา คอสต้า ใช้เวลาในการสร้างถึง 5 ปีและเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1931 นอกจากนี้ บนยอดเขายังมีการสร้างห้องสวดมนต์ไว้เป็นที่ระลึกฉลองครบรอบ 75 ปีของรูปปั้นอีกด้วย

รูปปั้นพระเยซูคริสต์ (โปรตุเกส: Cristo Redentor; อังกฤษ: Christ the Redeemer) ตั้งอยู่ที่ยอดเขากอร์โกวาดู ประเทศบราซิล มีความสูงราว 38 เมตร ได้รับการออกแบบโดยไฮตอร์ ดา ซิลวา กอสตา ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2474



รูปปั้นอยู่บนภูเขา Corcovado (ภูเขา Hunchback) และตั้งในอุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นสถานที่ปิคนิกที่รื่นเริง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปฐานของรูปปั้น ซึ่งสูง 709 m (2326 ฟุต) สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขา Sugar Loaf กลางเมือง Rio de Janeiro และชายหาดของ Rio de Janeiro นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟไปบนยอดของภูเขาเพื่อมองรูปปั้นอย่างใกล้ชิด และวิวที่สวยงามมากมาย

รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนครรีโอเดจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิล มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 รายต่อปี









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น